
แพลนเที่ยว KYOTO-NARA-OSAKA 5 วัน 4 คืน
ในทริปนี้เราจะไปเที่ยวตามเมืองประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ของญี่ปุ่นกันค่ะ เพื่อน ๆ รู้หรือไม่ว่าทั้งสามเมืองที่เราจะไปเที่ยวกันในทริปนี้นั้นล้วนเคยเป็นเมืองหลวงเก่าของประเทศญี่ปุ่นมาก่อนด้วยล่ะ นอกจากประวัติศาสตร์ที่มีมาอย่างยาวนานแล้วจะมีอะไรน่าสนใจอีกบ้างไปดูกัน
วันที่ 1 KYOTO
เกียวโตถือเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางประวัตศาสตร์ของประเทศญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก เนื่องจากเคยเป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่นมาก่อนที่จะย้ายไปยังเอโดะหรือโตเกียวในปัจจุบัน เกียวโตจึงมีแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์มากมาย ทั้งพระราชวัง ปราสาท วัดต่าง ๆ และมีธรรมชาติที่สวยงามมากด้วยเช่นกัน
- อุโมงค์โทริอิ ศาลเจ้า Fushimi Inari ก่อนอื่นเลยทุกคนที่ไปเกียวโตคงจะตามหาอุโมงค์โทริอิที่ตั้งเรียงรายกันเป็นทางเดินทอดยาวบนเขาซึ่งเป็นสถานที่ยอดฮิตในเกียวโตแน่ ๆ อุโมงค์โทริอิที่ว่านี้อยู่ที่ศาลเจ้าฟูชิมิ หรือ Fushimi Inari เป็นเส้นทางที่เต็มไปด้วยธรรมชาติที่ผสมผสานกับความศักดิ์ของพื้นที่และศิลปะได้อย่างลงตัว วิธีการเดินทางก็สามารถนั่งรถไฟสาย NARA Line จากสถานีเกียวโตมาลงที่สถานี Inari ก็จะถึงตัวศาลเจ้าแล้วค่ะ สะดวกมากๆ เลย นอกจากอุโมงค์โทริอิที่สวยงามนี้แล้ว ก็ยังมี Inari Saryo ซึ่งเป็นคาเฟ่ขนมหวานของเกียวโตเปิดให้บริการท่ามกลางธรรมชาติอีกด้วย ใครไปแล้วก็อย่าลืมมาอวดรูปกันนะ
- พระราชวังหลวงเกียวโต ไหน ๆ ก็มาเมืองหลวงเก่าทั้งทีเราจะพาทุกคนไปที่พระราชวังหลวงของเกียวโตถูกสร้างขึ้นใหม่ในปี 1855 โดยเปิดให้เข้าชม Shinsiden, The Seiryoden, The Kogosyo, The Ogakumonjyo และ The Otsunegoten ซึ่งเป็นสิ่งปลูกสร้างในสไตล์ดั้งเดิมของวัฒนธรรมเกียวโต นอกจากจะเดินชมบรรยากาศในราชวังที่สวยงามแล้วก็ยังมีร้านขายของที่ระลึกและร้านคาเฟ่ขนมหวานที่นี่ด้วย
- วัดคิโยมิสุ จากนั้นออกที่ประตู South Gate แล้วเดินไปตามถนน Marutamachi Dori เพื่อไปขึ้นรถไฟฟ้าสาย Keihan สถานี Jingu-Marutamachi ไปยังสถานี Kiyomizu – Gojo แล้วนั่งรถบัสหมายเลข 84 ไปลงที่ Gojozaka แล้วเดินต่ออีกประมาณ 850 เมตร ก็จะถึงวัดคิโยมิสุ ซึ่งเป็นวัดพุทธชื่อดังของเกียวโด ซึ่งจะสามารถมองเห็นวิวเมืองเกียวโตได้จากระเบียงวัดอย่างสวยงามจริง ๆ
- หมู่บ้านเกอิชา เพราะว่าเกียวโตนั้นขึ้นชื่อในด้านศิลปวัฒนธรรม และผู้ถ่ายทอดศิลปะอีกแขนงที่ถ่ายทอดศิลปะให้คนทั่วโลกได้ชื่นชมและมีชื่อเสียงมากอีกแขนงหนึ่งนั่นก็คือ เกอิชา เกียวโตนั้นมีหมู่บ้านที่เรียกกันติดปากว่าเป็นหมู่บ้านเกอิชา หรือมีชื่อว่า Gion นั่นเอง อยู่ไม่ไกลจากวัดคิโยมิสุมากนักหรือจะลงที่สถานี Gion-Shijo ของรถไฟฟ้าสาย Keihan ก็ได้เหมือนกันค่ะ หากใครอยากเห็นความงามของศิลปะชั้นสูงนี้อย่าลืมแวะไปกันนะคะ
วันที่ 2 Nara, Namba
นอกจากกวางแล้วที่จังหวัดนาราก็มีสถานที่ประวัติศาสตร์และธรรมชาติที่สวยงามเช่นกันค่ะ นาราเป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่นในยุคก่อนที่จะย้ายไปยังเกียวโต ที่นี่จึงมีสถานที่ประวัติศาสตร์ และพิพิธภัณฑ์ยุคโบราณอยู่ด้วย ไฮไลท์ของนาราอีกอย่างคือเจ้ากวางที่ใช้ชีวิตอยู่ภายใน Nara Park ที่คอยมาต้อนรับนักท่องเที่ยวนั่นเองค่ะ จากสถานีเกียวโตเราสามารถนั่งรถไฟฟ้ามาได้ด้วยสาย Nara Line มาที่จังหวัดนาราได้เลยสะดวกมาก ๆ ค่ะ
- Kofukuji เมื่อลงที่สถานี Nara แล้วเดินมาตามถนนที่เรียกว่า Sanjo dori นอกจากร้านค้ามากมายเต็มสองข้างทางแล้วเราจะพบกับ Kofukuji เป็นวัดที่เก่าแก่และมีพิพิธภัณฑ์เก็บสมบัตรของชาติเอาไว้อยู่ที่นี่ให้ทุกคนได้มาเยี่ยมชมประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นในยุคโบราณกัน
- Nara National Museam ไม่ไกลจาก Kofukuji มากนักจะเป็น Nara National Museum ซึ่งจะเป็นจุดที่เก็บสมบัติของชาติเอาไว้และที่นี่ก็มีคาเฟ่น่ารัก ๆ ให้ได้พักรับประทานอาหารท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงามอีกด้วย
- Nara Park สำหรับใครที่อยากจะเห็นเจ้ากวางน้อยซึ่งเป็นสัตว์ที่ขึ้นชื่อของนารา จาก Nara Nation Museum ก็สามารถเดินเชื่อมไปถึง Nara Park ซึ่งเป็นสวนสาธารณะที่เชื่อมต่อกับพื้นที่สำคัญเอาไว้ด้วยกัน นอกจากจะมีธรรมชาติที่สวยงาม ท่ามกลางแหล่งพื้นที่สำคัญทางประวัติศาสตร์แล้วยังมีเจ้ากวางน้อยที่อาศัยอยู่ในสวนแห่งนี้ออกมาต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกด้วย
- วัดโทได ไม่ไกลจาก Nara Park ในระยะที่สามารถเดินได้ก็จะพบกับวัดโทได 東大寺 เป็นวัดพุทธที่สร้างขึ้นกลางทศวรรษที่ 700 มีพระพุทธรูปสำริดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่นด้วย
- Namba ในช่วงเย็นเราจะจบทริปวันนี้ที่ย่านการค้าที่สำคัญในโอซาก้ากันค่ะ จากสถานี Nara สามารถนั่งรถไฟสาย Yamatoji Rapid ไปยังสถานี Kyuhoji แล้วเปลี่ยนสายเป็น Kansai Main Line มุ่งหน้าไปยังสถานี Namba ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อมาเดินเที่ยวเล่นย่าน Shinsaibashi ซึ่งอยู่ไม่ไกลในช่วงกลางคืนกัน สำหรับย่าน Shinsaibashi นี้เป็นย่านการค้าที่เก่าแก่ของโอซาก้า มีร้านค้าและแบรนด์เนมต่าง ๆ มาเปิดที่นี่ด้วยเช่นกัน
วันที่ 3 Osaka
โอซาก้าเป็นเมืองที่มีความสำคัญทั้งทางเศรษฐกิจตั้งแต่สมัยโบราณและยังมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์เป็นอย่างมาก ทั้งเคยเป็นเมืองหลวงมาก่อนและเคยเป็นสถานที่พำนักของนักรบชื่อดังของญี่ปุ่นอีกด้วย ในปัจจุบันนอกจากสถานีท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ ย่านการค้าที่มีชื่อเสียงอย่าง Shinsaibashi และตลาดของกินมากมายแล้ว โอซาก้ายังมีสวนสนุกชื่อดังระดับโลกอย่าง Universal Japan มาเปิดอีกด้วย ทริปในโอซาก้าจะน่าสนุกขนาดไหน ไปกันเลย
- ศาลเจ้านัมบะยาซากะ ศาลเจ้านัมบะยาซากะกล่าวกันว่ามีประวัติศาสตร์ยาวนานมากว่า 900 ปี ตั้งอยู่กลางเมืองอันคึกคัก จุดเด่นของที่นี่คือหัวสิงโตขนาดกว่า 12 เมตรตั้งอยู่ภายใน เพราะเชื่อกันว่าสิงโตเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ทำให้มีโชคในการแข่งขัน เรียกโชคลาภให้ด้วย
- ตลาดคุโรมง ถือเป็นครัวของโอซาก้าเลยก็ว่าได้ นอกจากของกินทั้งสำเร็จรูปและวัตถุดิบมากมาย รวมไปถึงมีร้านขายของฝากให้ได้เลือกเดินช้อปกันอีกด้วย วิธีการเดินทางก็ง่ายมาก ๆ จากสถานีโอซาก้านัมบะ ขึ้นรถไฟสาย Kintetsu-Nara Line ไปยังสถานี Kintetsu Nippombashi ออกที่ทางออก 10 แล้วเดินต่ออีกประมาณ 200 เมตรก็จะถึงตัวตลาดแล้วค่ะ
- ปราสาทโอซาก้า ปราสาทโอซาก้าเป็นปราสาทที่มีความสวยงามและยิ่งใหญ่อีกแห่งของญี่ปุ่น ถูกสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 16 เป็นปราสาทของโทโยโทมิ ฮิเดโยชิ นักรบชื่อดังของญี่ปุ่นในยุคเซนโกคุ ก่อนจะถูกเผาทำลายหลายจากการทำสงคราม ในปัจจุบันถูกบูรณะขึ้นมาใหม่ เป็นปราสาทที่มีความสูง 5 ชั้น ตั้งตระหง่านอยู่กลางเมืองแสดงในเห็นถึงความยิ่งใหญ่และสวยงามของปราสาทแห่งนี้จากยุคโบราณเลยทีเดียว
วันที่ 4 Universal Studio Japan
- สวนสนุกอีกแห่งที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในญี่ปุ่น หากมาโอซาก้าแล้วไม่ไปที่นี่คงน่าเสียดายแย่ Universal Studio Japan สวนสนุกที่ยกเอาเหล่า Character จาก Universal Studio มาไว้ที่นี่เลย นอกจากนี้ยังมีการร่วมมือกับสตูดิโอการ์ตูนต่างๆ ในญี่ปุ่นเวียนกันมาจัด Theme Park กันด้วย สำหรับใครเป็นแฟนเรื่องไหนเช็คได้เลยที่เว็บไซต์ >>> https://www.usj.co.jp/web/en/us
จากสถานี Namba นั่งรถไฟสาย Hanshin-Namba Line ไปยังสถานี Nishikujo เปลี่ยนไปยังสาย JR Yumesaki Line เพื่อไปยังสถานี Universal City ก็จะถึง Universal Japan แล้วค่ะ
วันที่ 5 Umeda Sky Building
- ในวันสุดท้ายนี้คงได้แต่ไปเที่ยวเบาๆ ก่อนขึ้นเครื่องกัน สถานที่อีกแห่งที่เราจะต้องไปให้ได้อีกที่นั่นคือ Umeda Sky Building ตึกสุดไฮเทคในย่านอุเมดะ มีทั้งจุดชมวิวและแหล่งช้อปปิ้งอยู่ภายในด้วย วิธีการเดินทางค่อนข้างง่ายมากเลยค่ะ จากสถานีนัมบะนั่งรถไฟใต้ดินสาย Osaka Metro Midosuji Line ไปยังสถานี Umeda (Osaka Metro) เดินอีกประมาณ 800 เมตรก็จะถึงตึก Umeda sky Building แล้วค่ะ
- จากตึก Umeda Sky Building สามารถนั่งรถไฟฟ้าสาย Kanku สถานี Osaka ไปยัง Kansai International Airport ได้เลยค่ะสะดวกมาก ๆ
จากทริปนี้แล้วหลายคนคงจะเริ่มปักหมุดสถานที่ที่น่าสนใจกันบ้างแล้วใช่ไหมคะในภูมิภาคคันไซนี้มีอีกหลายเมืองที่น่าสนใจมาก ๆ เลยเพื่อนๆ สามารถเข้าไปศึกษาเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์การท่องเที่ยวของญี่ปุ่นทั้ง JNTO และ Japan-Travel สำหรับการเดินทางในทริปนี้เราขอแนะนำให้ใช้ JR Kansai Wide Area Pass ซึ่งครอบคลุมการเดินทางทั้ง 3 จังหวัดตลอดทั้ง 5 วันนี้ได้ด้วย ใครแพลนทริปอย่างไรบ้างอย่าลืมมาแชร์กันนะคะ
ขอบคุณรูปจาก JNTO, japan.travel/th, Japanguide.com, Osaka-info, Japantravel, และ Universal Studio
เรียบเรียงโดย Dayself
ติดตามบทความ Lifestyle และ ข่าวสารต่างๆ ได้ที่ Dayself